สื่อการเมือง เลือกข้าง เลือกสี แบบมีเหตุผล...ที่ไม่สนับสนุนความรุนแรง ตามสไตล์ของ...ผู้ดูแลบล็อก **ได้เนื้อหาสาระ ไปทางคลิปภาพ+เสียง มากกว่าข้อความยาวๆ (อ่านแล้วง่วง) ผสมกับความบันเทิง ทำให้ไม่เครียดหรือหนัก จนเกินไป** ----------หมายเหตุ..คลิปบันเทิง Entertainment เลื่อนลงไปล่างสุด ของบล็อกเลยค่ะ----------
วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
จดหมายเปิดผนึกถึงเลขาธิการสหประชาชาติบัน คี มูน
จดหมายเปิดผนึกถึงเลขาธิการสหประชาชาติบัน คี มูน
เรียน เลขาธิการสหประชาชาติบัน คี มูน
วอชิงตัน ดีซี,16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ฯพณฯ ท่าน บัน คี มูน
ในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมายของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช. หรือคนเสื้อแดง) ผมขอเรียกร้องให้ท่านและองค์กรสหประชาชาติกรุณาให้ความช่วยเหลืออย่างเปิดเผยแก่นักโทษทางการเมืองไทยที่กำลังตกอยู่ในสภาวะอันเลวร้าย
เนื่องมาจากแคมเปญการดำเนินคดีอาญาและคุกคามฝ่ายตรงข้ามในหลายปีที่ผ่านมา ในขณะนี้เรือนจำในประเทศไทยมีสภาพที่แออัด และเต็มไปด้วยนักโทษทางการเมืองหลายร้อยราย ซึ่งหญิงชายเหล่านั้นคือ นักกิจกรรมทางการเมือง ผู้นำสหภาพแรงงาน นักเขียนบล็อกเกอร์ และประชาชนทั่วไป ที่ถูกจับกุมข้อหาละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา) หรือไม่ก็พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
ในช่วงปีล่าสุด การใช้กฎหมายของรัฐไทยดำเนินคดีอาชญากรรมทางความคิด เพื่อปิดปากฝ่ายตรงข้ามที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ก่อนรัฐประหารปี พ.ศ.2549 การใช้ที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้กฎหมายดำเนินคดีกับการแสดงความเห็นทางการเมืองในรูปแบบต่างๆเกิดขึ้นน้อยมาก ก่อนการทำรัฐประหาร จำนวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ศาลรับฟ้องมีจำนวนไม่เกินว่า 33คดี หลังจากการทำรัฐประหาร คดีมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จาก 164 คดีในปี พ.ศ. 2552 และ 478 คดีในปี พ.ศ. 2553
การแสดงความคิดที่เจ้าหน้าที่รัฐเห็นว่าเป็น “ดูหมิ่น” สถาบันกษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเห็นในที่สาธารณะ ตามสิ่งพิมพ์ การพูดคุยส่วนตัว หรือบนอินเตอร์เน็ต ทำให้ชายหญิงเหล่านี้หลายรายถูกพรากจากครอบครัว และถูกปล่อยให้ตกอยู่ในความสิ้นหวังในเรือนจำที่มีสภาพเลวร้าย กลุ่มคนที่ถูกจับกุมมักจะไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในขณะที่รอการพิจารณาคดีในศาล และเนื่องจาก เจ้าหน้าที่สามารถแจ้งข้อหาต่อผู้ต้องหาได้หลายกระทง ผู้ต้องหาบางรายได้รับโทษจำคุกมากกว่าสิบปี ทั้งนี้ในช่วงระหว่างการควบคุมตัว พวกเขายังต้องถูกคุมขังในเรือนจำที่มีสภาพโสโครกและแออัด และมักถูกปฏิเสธการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม แม้กระทั่งตอนที่ถูกนำตัวไปขึ้นศาล พวกเขายังถูกทำให้อับอายขายหน้าต่อสาธารณชนด้วยการถูกล่ามโซ่อย่างหนักที่ข้อเท้า
ในเดือนตุลาคม หลังจากที่รัฐบาลที่แล้วห้ามไม่ให้ผมเดินทางเข้าประเทศเป็นเวลาปีกว่า ผมมีโอกาสได้เดินทางกลับไปเยือนประเทศไทยอีกครั้ง ระหว่างที่ผมอยู่ที่นั้น ผมไปเยี่ยมนักโทษทางการเมืองหลายรายในเรือนจำที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดด้วยตัวเอง ผมหัวใจสลายที่เห็นกลุ่มคนที่ซื่อสัตย์และมีจิตใจรักชาติต้องถูกคุมขังเพราะคำพูดและความเชื่อของพวกเขา ซ้ำยังถูกควบคุมตัวในซอกหลืบที่โสโครกและไร้ความเป็นมนุษย์ แต่สิ่งที่ไร้ศีลธรรมยิ่งกว่าคือความไม่แยแสขององค์กรนานาชาติที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพทางการแสดงออก พวกเขากลับเป็นใบ้หูหนวกต่อเรื่องนี้ในประเทศไทยเป็นประจำ
อย่างที่ท่านทราบดี การที่รัฐจะคุมขังประชาชน เพราะความคิดทางเห็นทางการเมืองของพวกเขา หรือแสดงความเห็นใดก็ตามในที่สาธารณะ เป็นการละเมิดกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ นอกจากจะเป็นการละเมิดต่อคำปฏิญญาสากลว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติโดยตรงแล้ว นโยบายปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกในประเทศไทยยังเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลได้ลงนามและให้สัตยาบัณ
เนื่องจากท่านเป็นตัวแทนที่สำคัญที่สุดของประชาคมโลก ผมหวังว่าการเยือนประเทศไทยของท่านจะไม่สิ้นสุดลงโดยปราศจากคำแถลงการณ์ที่แสดงการสนุบสนุนสิทธิการแสดงออกและนักโทษทางการเมืองไทยหลายร้อยรายอย่างชัดเจนต่อสาธารณชน ประชาชนชาวไทยไม่ได้คาดหวังให้ท่านต้องเลือกข้างภายใต้สภาวะความขัดแย้งทางการเมืองภายใน อย่างไรก็ตาม พวกเขาคาดหวังว่าท่านจะแสดงจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุนหลักการพื้นฐานที่ใช้ก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ
ด้วยความนับถือ
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
Read more from โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
http://robertamsterdam.com/thai/?p=890
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น