พื้นที่โฆษณา

พื้นที่โฆษณา
ทดลอง..อิอิ..*******ขอขอบคุณ..เวปบล็อกต้นแบบดีๆ..อย่าง Thai E-News ของคนรักประชาธิปไตย ที่เป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดเวปบล็อกใหม่ๆ รวมถึงบล็ิอกนี้ด้วย

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บทพิสูจน์ว่า “น้ำ” ไม่มีสองมาตรฐาน


บทพิสูจน์ว่า “น้ำ” ไม่มีสองมาตรฐาน

โดนกันถ้วนหน้า ทั้งบ้านจันทร์ส่องหล้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ย่านบางพลัด น้ำท่วมเกิน 1 เมตร คฤหาสน์ของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ย่านจรัญสนิทวงศ์ น้ำท่วมสูงเกือบ 30 เซนติเมตร บ้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย บ้านของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นักการเมืองใหญ่ ดาราดัง สื่อมวลชน ขนของหนีน้ำกันกระเจิดกระเจิง

จากต่างจังหวัดถึงคนเมืองกรุง ยาก ดี มี จน หนีไม่พ้นมหันตภัยร้ายแรงในรอบกว่า 6 ทศวรรษ

และมาถึงนาทีนี้ถือว่า “น้ำ” ขับเคี่ยวให้ “แกร่ง” ขึ้นอีกระดับหนึ่ง กับสถานภาพของ “เหยื่ออารมณ์” นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องลุยน้ำท่วม ฝ่าดงน้ำลาย ไหนจะเสียงด่าของพวกที่ไม่พอใจมาตรการแก้ปัญหา ไหนจะต้องเผชิญแรงเสียดทานจากเกมแฝงของพวกที่จ้องล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยด้วยกองทัพน้ำ

“แอ่นอก” โดนถล่มอยู่คนเดียว กดดันจนต่อมน้ำตาเอ่อทะลัก

แต่ก็กระตุกต่อมมั่นใจกลับมาได้เยอะ กับช็อตที่นายกฯยิ่งลักษณ์สามารถเจรจากับประชาชนในพื้นที่คลอง 9 อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อขอขุดถนนเลียบคลองรังสิต-นครนายก เป็นทางระบายน้ำจากคลองรังสิตให้ไหลผ่านไปลงคลองหกวา คลองแสนแสบ และแม่น้ำบางปะกง ได้เป็นผลสำเร็จ ตามแผนผันน้ำออกทางด้านตะวันออก ลดความเสี่ยงของกรุงเทพฯชั้นใน

จะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ในบทของ “ผู้นำ” คิวนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงวิธีการบริหารอำนาจในท่ามกลางความขัดแย้งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่ต้องถือ “กระบองยักษ์” พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ขณะเดียวกัน ก็มีบท “สู้หัวชนฝา” ที่ได้อกได้ใจ แม้แต่แม่ทัพนายกองใหญ่ยังพยักหน้าให้

เอาเป็นว่า “ยิ่งลักษณ์” ยังอยู่ในวิสัยที่พอไปได้ แต่ที่น่าแปลกใจ ในขณะที่ผู้นำหญิง “เชิดหน้าลุยสู้” แบบถึงไหนถึงกัน ที่หายไปเลยก็คือ บรรดาชายอกสามศอกในทีมงานรัฐบาล

พร้อมใจกัน “หลบต่ำ” หมด

โดยเฉพาะพวกที่ต้องรับผิดเต็มๆ ไล่กันตามโพย นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในโควตาของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่คุมกรมชลประทาน ลากยาวมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เงียบไปเลยกับการบริหารข้อมูลผิดพลาด กรมชลประทานประกาศว่าปีนี้น้ำจะแล้ง ไม่ให้ชาวนาทำนา 2 หน ทำให้เขื่อนต่างๆเก็บน้ำไว้จนเต็มอัตรา แต่ถึงเวลาเกิดพายุใหญ่ถล่มติดๆกันหลายลูก ฝนตกจนน้ำล้น ผวาเขื่อนแตก

ต้องรีบระบายน้ำกันหูตาเหลือก

เช่นเดียวกัน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ที่คุมการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็ยังอยู่ในอารมณ์ชิวชิว ร่วมกับทีมงาน กฟผ.บริจาคของช่วยผู้ประสบภัย โชว์หน้าผ่านจอทีวี โดยไม่มีการโชว์สปิริตต่อการที่ กฟผ.บริหารน้ำในเขื่อนภูมิพลผิดพลาด ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าปริมาณน้ำที่จะใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพียงพอควรอยู่ในระดับใด

อั้นไว้จนล้นเขื่อนแล้วปล่อยทะลัก

มวลน้ำมหาศาลไหลท่วมพื้นที่ลุ่มภาคกลางตั้งแต่นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และเป้าหมายปลายทางสุดท้ายกรุงเทพมหานคร กว่า 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เท่ากับน้ำในเขื่อนภูมิพล

โดยปรากฏการณ์ มันจึงไม่ต่างอะไรกับเขื่อนภูมิพลแตก

นี่คือที่มาที่ไปก่อนจะกลายมาเป็น “สึนามิน้ำจืด” ถล่มภาคกลางของเมืองไทย พูดกันแบบแฟร์ๆ มันจึงไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลของนายกฯยิ่งลักษณ์ที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้แค่ 2 เดือน แต่ต้องย้อนคาบเกี่ยวไปถึงยุครัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บริหารข้อมูลน้ำผิดพลาดในห้วง 7–8 เดือน ก่อนหน้า

สมควรต้องแสดงความรับผิดชอบเต็มๆเหมือนกัน

แต่ก่อนอื่นเลย ถ้าเทียบมาตรฐานกับประเทศญี่ปุ่นในห้วงเกิดเหตุสึนามิ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบในช่วงเกิดเหตุ ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรีบแสดงสปิริตลาออก กับการบริหารข้อมูลผิดพลาด

น้ำท่วมใหญ่เมืองไทยรอบนี้ “อย่าแกล้งทำเป็นลืม” ไล่บัญชีกันตั้งแต่ รมว.เกษตรฯ รมว.พลังงาน อธิบดีกรมชลประทาน ผู้ว่า-การ กฟผ. จะ

“หลบต่ำ” ซุ่มเงียบอยู่ข้างหลังผู้นำหญิงไม่ได้
หลังน้ำลดต้องมีการ “เคลียร์บิล” กันแบบยกเครื่อง

รวมไปถึงทีมรัฐมนตรีแถวสามแถวสี่ของพรรคเพื่อไทย ที่สถานการณ์พิสูจน์เลยว่า “มือไม่ถึง” แทนที่จะเป็นตัวช่วย กลับเป็น “ตัวถ่วง” นายกฯยิ่งลักษณ์

ควักเนื้อ เปลืองต้นทุนส่วนตัวอยู่คนเดียว.


ทีมข่าวการเมือง http://m.thairath.co.th/content/pol/213151

โดย: ทีมข่าวการเมือง

31 ตุลาคม 2554, 05:00 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น